Week 2



บันทึกเปื้อนยิ้มสัปดาห์ที่ 2


  
สวัสดีสัปดาห์ที่ 2 ของการเรียนการเรียนรู้ เพราะทุกวันมีเรื่องราวดีๆเกิดขึ้นเสมอ แต่ใช่ว่าจะไม่มีเรื่องที่ทำให้เราต้องเครียด 555 ว่ากันว่ารอยยิ้มจะทำให้อะไรๆดีขึ้น จริงไหมอันนี้ไม่รู้
คิดคิดไปแล้วบางทีเราก็ลึมบางสิ่งบางอย่างที่สำคัญมากกับตัวเราเอง ทุกวันนี้เราใช้ชีวิตอยู่กับคนรอบข้างมากไป ถามคนรอบข้างอยู่เสมอว่า สบายดีไหม? เป็นไงบ้าง? มีความสุขไหม? เครียดเรื่องอะไร? เราเป็นห่วงคนอื่นมากไป จนบางทีเราลึมไปว่ายังมีอีกหนึ่งคนที่ยังต้องต้องการคำถามเหล่านั้นที่ถามใครต่อใครหลายคนที่อยู่รอบข้างเสมอ คนคนนั้นจะใครที่ไหนก็ตัวของเราเองนี่ไง ลองคิดย้อนกลับไป เคยมีไหมที่ถามตัวเองว่าสบายดีไหม เป็นไร เครียดเรื่องอะไร เล่าให้ฟังได้นะ บางคนอาจจะมองว่ามันเป็นเรื่องตลกหรือแปลกที่คนเราจะนั่งคุยกับตนเองในเรื่องที่ตนเองไม่สบายใจ หรือคิดว่าคนคนนั้นจะบ้าหรือเสียสติไปแล้ว แต่สำหรับเราไม่นะ เราคิดว่าการคุยกับตนเองเป็นการใส่ใจ การให้ความสำคัญกับตนเอง คิดดีๆถ้าตัวเราไม่รักตัวเองแล้วใครจะรัก จริงไหม ก็จริงสิ555
 อยากบอก อยากเล่า อยากขอบคุณ อยากขอโทษอะไรกับตัวเอง 
มีเรื่องอยากจะคุยเยอะแยะเลย ช่วงนี้งานยุ้งมาก เวลาพักผ่อนน้อยมาก แต่ก็มีเรื่องราวให้คิดอยู่ตลอดเวลา บางทีความสุขของเราอยู่ที่ไหน ทุกวันเราเครียดตลอด แต่ก็ยังดีที่มีรอยยิ้มสวยๆมอบให้เสมอ เรื่องราววันนั้นทำให้เธอต้องลำบากใจ อยากขอโทษที่หาเรื่องเครียดๆมาให้เธอได้คิดอยู่ตลอดเวลา อยากขอโทษที่วันนั้นเราตัดสินใจเลือกที่จะคิด เลือกที่จะทำในสิ่งที่รู้ทั้งรู้ว่ามันผิด และที่สำคัญเรารู้ดีว่าเรื่องราวมันจะจบแบบไหน ขอโทษที่ไม่หักห้ามใจตัวเอง ขอโทษที่ต้องทำลายมิตรภาพที่ดีๆของเทอไปอีกหนึ่งคน ครั้งที่เท่าไหร่แล้วกับการสูญเสียเพื่อนที่เกิดจากกระทำที่ไม่คิดของเรา

.....หนังสือที่อ่านไม่จบ..... 
                        หนังสือที่เลือกอ่านบางทีเราเลือกที่จะหยิบมันมาอ่านจนเราลึมคิดไปว่า เจ้าของหนังสือเล่มนี้คือใคร ถ้าเจ้าของเค้ารู้คงจะโกรธน่าดูที่เราหยิบมาอ่านโดยที่ไม่ได้อนุญาต ในขณะที่อ่านหนังสือทำให้รู้ว่า ปกหนังสือที่เราเห็นกับเรื่องราวที่อยู่ข้างในนั้นแตกต่างกันเหลือเกิน ตอนแรกที่มองหนังสือเล่มนี้รู้สึกไม่ชอบไม่อยากอ่านและไม่คิดที่จะหยิบมาอ่านด้วยซ้ำไป หรือจะพูดตรงก็คือไม่ชอบไปเลย แต่เหตุการณ์ในวันนั้นทำให้ความคิดเปลี่ยนไป เมื่อเราเลือกที่จะหยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาดูและค่อยๆเปิดมันดูหน้าที่หนึ่งของหนังสือซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ลังเลพอสมควร ทำให้เราเกิดความรู้สึกแปลกมาก เมื่อได้สัมผัส ได้มองหนังสือเล่มนี้มันทำให้เราอยากเปิดเข้าไปอ่านข้างในอยางบอกไม่ถูก และเราก็เลือกที่จะอ่านโดยที่เจ้าของหนังสือเล่มนี้ไม่รู้ตัว ถ้าจะพูดไปมันก็ไม่ถูกต้องที่แอบอ่านของคนอื่นโดยไม่ขอ แต่ก็อยากลองอ่านดู
ถ้าจะพูดถึงเรื่องราวของหนังสือเล่มนี้ละก็...จริงๆแล้วภายนอกกับเรื่องราวข้างในต่างกันมาก ในช่วงขณะที่อ่านหนังเล่มนี้มันทำให้เราได้ลืมเรื่องราวที่ทำให้เราต้องเจ็บต้องเครียด มันมีอะไรที่ทำให้อบยิ้มในทุกๆหน้าที่เปิดอ่าน ค่อยๆอ่านทีละหน้าเรียนรู้ทีละหน้าก็สนุกดี หนังสือเล่มนี้คอยสอนและเตือนสติให้กลับมาอยู่กับตัวเองตลอด แต่เราก็ทำไม่ได้อยู่อยู่ดี555 ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงช่วงเวลาส้นๆที่ได้อ่านแต่ก็มีเรื่องราวที่น่าตื่นเต้นและน่าสนใจในเรื่องราว หนังสือเล่มนี้อาจจะไม่ได้ดีมากพอแต่หนังสือเล่มนี้ก็ดีพอที่จะทำให้คนอ่านรู้สึกดีทุกครั้งที่หยิบมาอ่าน แต่บางทีก็ทำให้คนอ่านรู้สึกว่ายิ่งอ่านไปยิ่งทำให้รักหนังสือเล่มนี้มากขึ้นทุกที
แต่แล้วเวลาของการอ่านก็ต้องจบลงด้วยอะไรหลายๆอย่างที่ผ่านเข้ามา หนังสือไม่ยอมให้เปิดอ่าน เราเองก็ไม่อาจที่จะฝืนอ่านต่อไปทั้งๆที่อยากรู้ว่าเรื่องราวตอนต่อไปในหนังสือเล่มนั้นจะเป็นอย่างไรก็ตาม คงต้องยอมรับและคงทำได้เพียงคาดเดาและเฝ้ามองหนังสือเล่มนั้นต่อไป อิจฉาคนที่เป็นเจ้าของหนังสือเล่มนี้เธอหรือเขาคนนั้นโชคดีมากที่ได้เป็นเจ้าของหนังสือเล่มนี้...
 หนังสือที่เราไม่มีวันอ่านจบ...สุชาดา


มุมที่ใช่ สถานที่ที่ชอบกับการอ่านวรรณกรรม ไม้หลาปริศนาแห่งม้าตัวหนึ่ง
กับการเรียนผ่านวรรณกรรมของพี่ ป.4 แต่ละมุมสุดยอดจริงๆ

เมื่อรู้ว่าชอบเกมก็อยากให้เล่นเกม เกมที่ได้ใช้ทุกส่วนของร่างกาย เป่า คาบ วิ่ง เขียน ระดมสมองในการคิดหาคำตอบ

 
  
 

จบด้วยท่าทางน่ารักทำให้ครูอดอมยิ้มไม่ได้ จริงๆแล้วครูเครียดมากนะ แต่พอได้เห็นบางมุมที่น่ารักของเด็กๆทำให้อดอมยิ้มไม่ได้ ขอบคุณเด็กที่น่ารักของครูที่ทำให้ยิ้มได้ตลอดเวลา
เด็กชายชินและเจมส์ ที่ทำให้ครูได้เรียนรู้ตัวตนของเธอมากขึ้น " ผมอยากขอโทษร่างกายของผมที่ผมไม่ดูแลรักษาร่างกายให้ดี ขอโทษที่กินน้ำแข็งทั้งๆที่รู้ว่าเจ็บคอ"
พี่เจมส์ " ผมอยากขอโทษที่ผมทำร้ายร่างกายตนเอง และใช้ร่างกายของตนเองทำร้ายผู้อื่น"


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น